กรดอะมิโน (Amino Acid)
กรดอะมิโน คือ หน่วยที่เล็กที่สุดที่ประกอบขึ้นในโมเลกุลของโปรตีน โดยอาหารจำพวกโปรตีนจะประกอบด้วยกรดอะมิโนประมาณ 12 – 22 ชนิด ส่วนโปรตีนในร่างกายประกอบด้วยกรดอะมิโนประมาณ 20 ชนิด ในทางโภชนาการแบ่งกรดอะมิโนออกเป็น 2 พวก คือ
1. กรดอะมิโนที่จำเป็นแก่ร่างกาย (Essential Amino Acid) คือ กรดอะมิโนที่ร่างกายสังเคราะห์ไม่ได้ หรือสังเคราะห์ได้แต่ไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย จำเป็นต้องได้รับจากอาหาร กรดอะมิโนเหล่านี้ ได้แก่ อาร์จีนีน (Arginine) ฮีสทีดีน (Histidine) ไอโซลิวซีน (Isoleucine) ลิวซีน (Leucine) ไลซีน (Lysine) เมไธโอนีน (Methionine) เฟนิลอะลานีน (Phenylalanine) ทรีโอนีน (Threonine) ทริปโทเฟน (Tryptophan) และวาลีน (Valine)
เด็กต้องการกรดอะมิโนที่จำเป็นแก่ร่างกาย 9 ตัว ยกเว้นอาร์จินีน สำหรับผู้ใหญ่ต้องการกรดอะมิโนที่จำเป็นแก่ร่างกาย 8 ตัว ยกเว้น อาร์จินีน และฮีสทีดีน
2. กรดอะมิโนที่ไม่จำเป็นแก่ร่างกาย (Nonessential Amino Acid) คือ กรดอะมิโนที่ร่างกายสังเคราะห์ขึ้นได้เพียงพอกับความต้องการของร่างกายไม่จำเป็นต้องได้รับจากอาหาร
คน ส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดว่ากรดอะมิโนที่ไม่จำเป็นแก่ร่างกาย เป็นกรดอะมิโนที่ร่างกายไม่จำเป็นต้องใช้ ความจริงนั้นร่างกายต้องใช้กรดอะมิโนทั้งสองพวกในการสร้างโปรตีน แต่ที่เราเรียกว่าเป็นกรดอะมิโนที่ไม่จำเป็นนั้น เพราะเราคิดในแง่ที่ว่าร่างกายสร้างเองได้เพียงพอ
จากการศึกษา พบว่าโปรตีนในเซลล์ และเนื้อเยื่อของร่างกายมีกรดอะมิโนพวกนี้อยู่ร้อยละ 40
ความสำคัญของกรดอะมิโนชนิดต่างๆ
1. กรดกลูตามิก (Glutamic Acid)
· ช่วยรักษาอาการทางโรคประสาทต่างๆ อาการชัก โรคพาคินสัน และอาการโรคปัญญาอ่อน
· ช่วยในการทำงานของต่อมลูกหมาก
2. โพรลีน (Proline)
· ช่วยบำรุงผิวพรรณ และสร้างคอลลาเจน มีความสำคัญต่อกล้ามเนื้อ ข้อกระดูก และเส้นเอ็นต่างๆ
· เป็นสารเริ่มต้นของกรดกลูตามิก
3. ลิวซีน (Leucine)
· เป็นสารกระตุ้นการทำงานของสมอง เพิ่มระดับพลังงานให้แก่กล้ามเนื้อ
4. กรดแอสพาร์ติก (Aspartic Acid)
· ช่วยกำจัดแอมโมเนีย และกำจัดสารพิษอื่นๆ ออกจากระบบการไหลเวียนของโลหิต
· ช่วยในการทำงานของ ดีเอ็นเอ อาร์เอ็นเอ และการสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
· ช่วยส่งเสริมการแปรรูปคาร์โบไฮเดรตให้เป็นพลังงานภายในเซลล์
5. ไลซีน (Lysine)
· ช่วยในการพัฒนากระดูกของเด็ก และการดูดซึมแคลเซียม
· ช่วยในการสร้างโปรตีน และกล้ามเนื้อ รักษาอาการบาดเจ็บ และบาดแผลต่างๆ
· สร้างภูมิคุ้มกันในเลือดทั้งหมด ทำให้ระบบหมุนเวียนโลหิตแข็งแรง และควบคุมให้เซลล์เจริญเติบโตตามปกติ
6. วาลีน (Valine)
· กระตุ้นสมรรถนะของสมอง และการทำงานของกล้ามเนื้อ
7. ไอโซลิวซีน (Isoleucine)
· จำ เป็นสำหรับการเจริญเติบโตที่ดี การพัฒนาเชาวน์ปัญญา และการรักษาสมดุลย์ของไนโตรเจนในร่างกาย ใช้สำหรับสังเคราะห์กรดอะมิโนไม่จำเป็นชนิดอื่นๆ
8. ซีรีน (Serine)
· จำเป็นสำหรับขบวนการเผาผลาญไขมัน และระบบภูมิคุ้มกัน
· ช่วยในการสร้างปลอกไขมันป้องกันรอบเส้นใยประสาท
9. ไทโรซีน (Tyrosine)
· ทำ ให้เซลล์แก่ช้าลง และกดศูนย์ควบคุมความอยากอาหารในสมองส่วนไฮโปธา-ลามัส สามารถสังเคราะห์ได้จากเฟนีลอะลานีน นอกจากนี้ยังเกี่ยวข้องกับการให้ สีที่ถูกต้องแก่เส้นผม และผิวหนัง รวมถึงการป้องกันผม และผิวหนังจากการถูกแดดเผา
10. ฟีนิลอะลานีน (Phenylalanine)
· จำเป็นสำหรับต่อมไธรอยด์ในการสร้างไธร็อกซิน (Thyroxin) ซึ่งเป็นสารกระตุ้นอัตราการเผาผลาญอาหารของร่างกาย
11. ทรีโอนีน (Threonine)
· ช่วยให้การทำงานของลำไส้ ระบบการย่อย และการดูดซึมสารอาหารดีขึ้น
12. อาร์จีนีน (Arginine)
· ช่วยส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน และการทำงานของต่อมไทมัส ซึ่งต่อมไทมัสจะทำหน้าที่ในการผลิตเม็ดเลือดขาว
· ช่วยในการผลิตสารอินซูลิน
· เป็นส่วนประกอบของฮอร์โมนในร่างกาย กระตุ้นความต้องการทางเพศช่วยรักษาอาการเป็นหมัน
· ช่วยคงความสมดุลย์ของไนโตรเจน ช่วยลดไขมัน และเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ
13. อลานิน (Alanine)
· เป็นส่วนประกอบของวิตามิน B5 (Pantothenic Acid)
· ช่วยในการทำงานของเอ็นไซม์ต่างๆ ในร่างกาย
· ทำให้ผนังเซลล์แข็งแรง
14. เมไธโอนีน (Methionine)
· เร่ง อัตราการเผาผลาญไขมัน และองค์ประกอบของไขมัน กระตุ้นกรดอะมิโนที่บำรุงรักษาสุขภาพของตับ เป็นสารต้านความเครียด ทำให้เส้นประสาทผ่อนคลาย
15. ฮีสทีดีน (Histidine)
· ช่วยในการผลิตเม็ดเลือดแดง และเม็ดเลือดขาว
· ช่วยป้องกันร่างกายจากสารกัมมันตภาพรังสี
· ช่วยกำจัดโลหะหนักออกจากร่างกาย
16. ไกลซีน (Glycine)
· ช่วยสังเคราะห์กรดนิวคลีอิก ดีเอ็นเอ และอาร์เอ็นเอ รวมทั้งกรดอะมิโนอื่น ๆ
ในร่างกาย
· ช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดีขึ้น
· ช่วยป้องกันการเกิดลมชัก และช่วยรักษาอาการซึมเศร้า
· เพิ่มพลังงาน และการใช้ออกซิเจนในเซลล์
17. ทริปโตเฟน (Tryptophan)
· ทำให้ร่างกายใช้ประโยชน์จากวิตามิน B ได้มากขึ้น ทำให้เส้นประสาทแข็งแรง และ
อารมณ์คงที่มากยิ่งขึ้น ส่งเสริมให้เกิดความรู้สึกสงบผ่อนคลาย
18. ซีสทีน (Cystine)
· ช่วยในการทำงานของตับอ่อน ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่ และการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตดีขึ้น
สรรพคุณ
1.ช่วยเพิ่มภูมิต้านทาน โดยกระตุ้นการสร้างสารแอนติบอดี้ให้กับร่างกาย
2.เป็นส่วนประกอบสำคัญของ ดี เอ็น เอ ซึ่งเป็นสารพันธุกรรมขั้นพื้นฐาน
3.ช่วยชะลอความแก่ และซ่อมแซมอวัยวะที่เสื่อมลงตามอายุขัย
4.เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเซลล์จากสารกัมมันตภาพรังสี และช่วยกำจัดสารพิษในร่างกาย
5.เป็นส่วนสำคัญในการสร้างฮอร์โมนที่จำเป็นสำหรับการทำงานของร่างกาย
6.ช่วยให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้เป็นปรกติ และมีประสิทธิภาพ
7.ช่วยกระตุ้นอัตราการเผาผลาญอาหารในร่างกาย
8.ช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง เพิ่มระดับพลังงานให้แก่กล้ามเนื้อ
9.ช่วยให้ระบบการการดูดซึมสารอาหารของลำไส้ และระบบการย่อยดีขึ้น